Wednesday, April 20, 2016

อย่าตัดสินคนอื่นก่อนจะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเสียก่อน

เด็กหนุ่ม อายุ 24 ปี ทอดสายตามองไปที่หน้าต่างรถไฟ และตะโกนร้องว่า
“พ่อ ดูนี่ซิ ต้นไม้มันวิ่งไปข้างหลัง มันวิ่งเร็วมากเลยนะ”
ผู้เป็นพ่อได้แต่จ้องมองเขาเขม็งด้วยแววตาเปี่ยมสุขและเปื้อนรอยยิ้ม

คู่สามี-ภรรยาที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ มองเด็กหนุ่ม อายุ 24 ปีคนนี้ และคิดในใจ
อะไรกัน โตขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก สงสัยจะมีปัญหาทางจิต ดูซิ แม้แต่พ่อเค้ายังไม่สนใจ
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มอุทานเสียงดังขึ้นมาอีก
พ่อ ดูโน่น “ก้อนเมฆมันวิ่งมากับพวกเรา”

คู่สามี-ภรรยาอดใจไม่ไหว จึงพูดกับผู้เป็นพ่อว่า
ทำไมคุณไม่พาลูกชายไปหาหมอดี ๆ เช่น จิตแพทย์ ก็น่าจะดีนะ?
ชายชราผู้เป็นพ่อยิ้มและตอบว่าผมเพิ่งพาไปครับ
เราเพิ่งพบแพทย์กันมาแต่ไม่ใช่จิตแพทย์หรอกครับ
เราเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลกันครับ

ลูกชายผมตาบอดมาแต่กำเนิด
เค้าเพิ่งจะมองเห็นวันนี้เป็นครั้งแรก
พฤติกรรมของเค้าอาจจะดูงี่เง่าสำหรับพวกคุณ แต่มันคือปาฏิหารย์สำหรับผม

คู่สามี-ภรรยา ต่างนั่งอึ้ง พูดไม่ออก
น้ำตาเอ่อท้น และรู้สึกเสียใจและอับอาย

ทุกคนบนโลกใบนี้ต่างมีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกับประสบการณ์ของคุณ

อย่าตัดสินผู้อื่นเร็วเกินไป
อย่าด่วนสรุปสิ่งที่คุณไม่รู้จริงในเรื่องที่เป็นส่วนตัวของเขา
คุณไม่มีทางทราบหรอกว่าเขามีความเป็นมาอย่างไร หรือเขาต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง
เมื่อความจริงเบื้องหลังเรื่องราวของเขาถูกเปิดเผย คุณอาจจะแปลกใจ

โปรดอย่าพิพากษาคนอื่น แม้ว่าคุณจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแล้ว
โปรดปรารถนาดี ทำสิ่งดี ๆ รับฟังกัน

Sunday, April 17, 2016

ฉันอยากกลายเป็นสมาร์ทโฟน

เรื่องเศร้าเช้านี้

มีครูสาวคนหนึ่ง หลังทานข้าวเย็นเสร็จ ก็นั่งตรวจการบ้าน ส่วนสามีก็นั่งเล่นเกมส์โปรดอยู่ใกล้ๆ เมื่อตรวจจนถึงแผ่นสุดท้าย ก็นั่งร้องไห้เงียบๆ สามีเห็นเข้าจึงถามว่าร้องทำไมเกิดอะไรขึ้น ภรรยาตอบว่าเมื่อวานฉันให้การบ้านนักเรียนเรียนดีคนหนึ่ง ให้เขียนอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับความฝันของเขา สามีถามว่า แล้วคุณร้องไห้ทำไม   ภรรยาตอบว่า วันนี้ฉันตรวจบทความที่เขาเขียน อ่านแล้วทำให้ฉันร้องไห้ สามีถามว่า เขาเขียนว่าอะไรถึงทำให้คุณร้องไห้ ภรรยาบอกว่า ฟังนะ แล้วอ่าน..

ความฝันของฉันคือ ฉันอยากกลายเป็นโทรศัพท์ สมาร์ทโฟน พ่อแม่ของฉัน รักสมาร์ทโฟนมาก พวกเขาเอาใจใส่สมาร์ทโฟน มากจนบางครั้งลืมเอาใจใส่ฉัน เวลาคุณพ่อเหนื่อยมาจากที่ทำงานคุณพ่อมีเวลาให้สมาร์ทโฟน แต่ไม่มีเวลาให้ฉัน เวลาพ่อแม่ฉันกำลังทำงานสำคัญอยู่ พอสมาร์ทโฟนดัง พวกเขาจะรีบให้ความสนใจ แต่กับฉันแล้วไม่แม้ว่าฉันจะกำลังร้องไห้อยู่

พวกเขาเล่นเกมส์บนสมาร์ทโฟน แต่ไม่เล่นกับฉัน เวลาที่พวกเขาคุยกับคนอื่นโดยใช้สมาร์ทโฟน พวกเขาไม่เคยฟังฉันพูดเลย แม้ว่าฉันกำลังเล่าเรื่อง ที่สำคัญอยู่ ดังนั้นความฝันของฉันก็คือฉันอยากเป็นสมาร์ทโฟน

หลังจากสามีได้ฟังรู้สึกสะเทือนใจถามว่าเด็กคนไหนเป็นคนเขียน
ภรรยาตอบว่า "ลูกของเรา"

Saturday, April 16, 2016

ดูแลสมอง 10 ประการ

"หนูดี - วนิษา เรซ"การดูแลสมอง 10 ประการ:

1. จิบน้ำบ่อยๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์ เซลล์สมอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว

2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่า สมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมี ไขมันดีไปทดแทน ส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กิน ไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดี อย่างปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรส เป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซี กินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติ และนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมอง เข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่น ที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการ เห็นภาพ และมีความคิด สร้างสรรค์

4. ใส่ความตั้งใจ การตั้งใจ ในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมอง ว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวัน สมองจะปรับพฤติกรรมเรา ให้ไปสู่เป้าหมายนั้น

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ ทุกครั้งที่ยิ้ม หรือหัวเราะ จะมีสารเอนเดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสาร แห่งความสุข หลั่งออกมา

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน สิ่งใหม่ในที่นี้ หมายถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้ และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุข ก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลือง พลังงานสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal ฝึกเขียนขอบคุณ สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ลงในสมุดบันทึก เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมี ที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี

9. ฝึกหายใจลึกๆ สมองใช้ออกซิเจน 20-25% ของออกซิเจน ที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการ ส่งพลังงานที่ดี ไปยังสมอง

10. อย่าลืมแบ่งปันข้อมูลดีๆให้ คนอื่นเสมอ เพราะสมองของเรา จะจดจำข้อมูล ที่เราแบ่งปันให้คนอื่น