Monday, September 23, 2013

บันทึกช่วยจำของ“เหลียงจี้จาง”

“เหลียงจี้จาง” เป็นพิธีกรดังของ TVB ในฮ่องกงและเป็นนักเขียน บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้
ลูก ...ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้าง   นอกจากแสดงถึงความห่วงหาอาทรที่พ่อมีต่อลูกเฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆไป มุมมองของเขาบางเรื่อง(แบบสังคมฮ่องกง) แม้บางคนจะเคยประสบมาบ้าง เหมือนกัน  อ่านแล้วก็ยังอดอึ้งไม่ได้ เลยถ่ายทอดสู่กันฟัง...

ลูกรัก..ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ
  1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่าบางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า
  2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก
  3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มามันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีกในชีวิตของลูก ขอให้จำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี

  1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเราไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมา ดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้วยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อม มีจุดประสงค์  เขาทำดีกับลูกใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป (น่ากลัวไหม)
  2. ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใด คนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย
  3. ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง55)หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้นยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็ว เท่าใดเวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นหาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน
  4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆจางหายไป..  อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ
  5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า  หากไม่ขยันเรียน แล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย  แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้
  6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิต หลังของลูกเช่นกัน  เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป  ลูก จะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือก เอง
  7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้  จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
  8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น  ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ (No free lunch)
  9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น จงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก (หมายเหตุ ถึงพบกันก็ไม่รู้)

Credit : QUANTUM S2M Gold Member

Wednesday, September 11, 2013

ABCDEFG... HIJK

เด็กผู้หญิงถามเด็กผู้ชายว่า "ABCDEFG" ย่อมาจากอะไร?
เด็กผู้ชายตอบว่า "A boy can do everything for girl."
เด็กผู้หญิงอมยิ้ม

เด็กผู้ชายอมยิ้มตอบ เพราะยังมี "HIJK"
"He is just kidding!!!"



[cr/via: #LINE AC97 Phoolsawat]

มดน้อยโดนไล่ออกจากงาน

(เรื่องดีดีของชีวิตการทำงาน ^^)

กาลครั้งหนึ่ง... นานมาแล้ว
ทุกๆ วัน มดตัวน้อยมาทำงานแต่เช้า และลงมือทำงานทันที
มดน้อยสร้างผลงานมากมาย และมดน้อยก็มีความสุขกับงานดี

สิงโตที่เป็นหัวหน้า
ก็รู้สึกแปลกใจที่มดน้อยทำงานได้ดีโดยไม่ต้องมีการควบคุม

สิงโตเลยคิดใหม่ทำใหม่
โดยใช้แนวคิดว่า ขนาดไม่มีหัวหน้าดูแลยังทำงานดีเช่นนี้
แล้วถ้ามีหัวหน้า เธอต้องทำงานดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

สิงโตจึงจ้าง แมลงสาบมาเป็นหัวหน้ามดน้อย
และแมลงสาบมีความสามารถมากในเรื่องการเขียนรายงาน

แมลงสาบ เริ่มด้วยการตั้งระบบลงเวลาทำงาน
โดยการตั้งเครื่องตอกบัตร

แมลงสาบต้องการเลขามาช่วยเขียน พิมพ์รายงาน
ชงกาแฟ เดินเอกสาร ส่งจดหมาย และคอยจับผิดมดน้อย
แมลงสาบจึงจ้าง ควายมาเป็นเลขาส่วนตัว

สิงโตปลื้มกับการทำงานของแมลงสาบมาก
ที่ให้รายงานและแนวโน้มต่างๆ
จากที่ส่งให้พิจารณา ทำให้แมลงสาบได้หน้า

เพื่อการนี้ แมลงสาบจึงขอซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์
ติดอินเทอร์เน็ตและเครื่องพิมพ์เพื่อการทำงานให้สิงโต

แน่นอนว่าต้องมี แผนก IT ตามมา
เขาจึงจ้างตัวเห็บมาเป็น IT manager
ตัวเห็บก็ของบประมาณเพื่อ จ้างลูกมือและอุปกรณ์ซ่อม

แต่มดเบื่อกับระบบงานแบบใหม่มาก
เพราะมัวแต่รายงาน งานเอกสารมากมาย
และการประชุมที่แสนเสียเวลา

แมลงสาบเห็นมดน้อยทำงานช้าขึ้นเพราะต้องเขียนรายงาน
จึงคัดเลือกหาหัวหน้าแผนกมาคอยดูและจดรายงาน

ตำแหน่งนี้ตกเป็นของ ตัวทาก
ตัวทากเป็นบุคลากรที่ทำงานได้อย่างเชื่องช้ามาก
จึงดูเป็นคนที่รอบคอบ และได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกไป

และแผนกที่มดน้อยทำงานก็เป็นแผนกที่โศกเศร้า
ไร้เสียงหัวเราะ ทุกคนในแผนกก็หัวเสียง่าย

ตัวทากของบฯ ทำการสำรวจ ศึกษา สภาพการทำงานที่เหมาะสม
แผนกมดน้อย ทำงานได้แย่ลง

สิงโตก็เห็นด้วยว่าที่แผนกมด ทำงานได้แย่ลง
จึงจ้างตัว (ตัวเงินตัวทอง) เข้ามาเป็นที่ปรึกษา
เพื่อศึกษาวิธีการที่จะเพิ่มผลิตภาพ

ตัวสรุปว่า ที่แผนกของมดน้อย
มีการจ้างคนมากเกินไปเลยทำให้ผลิตภาพไม่ดี

เดากันน่ะ... ว่าใครจะถูกปลดออกเป็นคนแรก
v
v
v
v
v
v
มดน้อยนั่นเอง
เพราะตัว (...) บอกว่า มดน้อยเป็นคนที่ไร้แรงจูงใจ และทัศนคติไม่ดี
ลาก่อน... มดน้อย

แล้วคุณล่ะเป็นใครในนี้บ้างเอ่ย ^^



[cr/via: yut #LINE; People Magazine]
อันนี้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยายที่เกิดขึ้นในอเมริกา
แขกมันสุดยอด

ชาวอินเดียคนนึงเดินเข้าไปในธนาคารที่เมืองนิวยอร์ก แล้วถามหาเจ้าหน้าที่สินเชื่อ เขาบอกเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่า เขาจะไปทำธุระที่อินเดีย 2 สัปดาห์ และต้องการขอกู้เงิน 5,000 ดอลลาร์

เจ้าหน้าที่สินเชื่อแจ้งว่าทางธนาคารจำเป็นต้องขอหลักทรัพย์เพื่อค้ำประกันเงินกู้ ได้ยินดังนั้นชาวอินเดียก็โชว์กุญแจรถเฟอรารี่ใหม่เอี่ยม ที่จอดอยู่บนถนนหน้าธนาคาร

เขาแสดงหลักฐานและทั้งหมดถูกตรวจสอบว่าถูกต้อง เจ้าหน้าที่สินเชื่อตกลงรับรถคันนั้นไว้เป็นหลักประกันเงินกู้ ประธานธนาคารและพวกเจ้าหน้าที่ทุกคนหัวเราะเยาะชายชาวอินเดีย ที่เอารถเฟอรารี่คันละ 250,000 ดอลลาร์ มาเป็นหลักประกันเงินกู้แค่ 5,000 ดอลลาร์ แล้วพนักงานธนาคารก็ขับเฟอร์รารี่ เข้าไปจอดไว้ในที่จอดรถใต้ดินของธนาคาร

...สองสัปดาห์ต่อมา ชาวอินเดียคนนั้นกลับมา พร้อมชำระเงินกู้ 5,000 ดอลลาร์ และดอกเบี้ย เป็นจำนวน 15.41 ดอลลาร์

เจ้าหน้าที่สินเชื่อกล่าวว่า "ท่านครับ, ทางเรามีความยินดียิ่ง ที่ได้ทำธุรกิจกับท่าน และธุรกรรมครั้งนี้ก็ดำเนินไปด้วยดี เพียงแต่เรามีข้อสงสัยเล็กน้อย คือหลังจากท่านกลับไปแล้ว เราได้ตรวจสอบและพบว่า ท่านเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน สิ่งที่เราสงสัยก็คือ ทำไมท่านต้องเดือดร้อนมากู้เงินแค่ 5,000 ดอลลาร์ด้วย"

ชายชาวอินเดียตอบว่า "แล้วมีที่ไหนในนิวยอร์ก ที่ผมจะจอดรถของผม เป็นเวลา 2 อาทิตย์ โดยเสียค่าจอดแค่ 15.41 ดอลลาร์ แล้วยังแน่ใจได้ด้วยว่า มันจะยังอยู่ตอนผมกลับมา"!!!



[cr/via: oui_tiva #LINE AC97]